เคล็ด (ไม่) ลับ ลดน้ำหนัก ได้ผลจริงปลอดภัยไม่โยโย่

เราเชื่อว่าการมีรูปร่างที่ดี และสุขภาพแข็งแรงล้วนเป็นความต้องการของใครหลายคน ซึ่งสาว ๆ คนไหนที่กำลังมีแพลนลดน้ำหนัก แต่ก็มีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น เวลาในการทำงาน การเลือกทานอาหาร หรือแม้แต่การออกกำลังกายที่กว่าจะเสร็จงานทุกอย่าง ก็แทบไม่เหลือเอนเนอร์จีให้ทำอะไรแล้ว 

ดังนั้น บทความในวันนี้ Glory จะมาแชร์เคล็ด (ไม่) ลับ ลดน้ำหนัก อย่างไรให้ปลอดภัย และไม่โยโย่ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกัน 

วิธีการ ลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และไม่โยโย่

การลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ใช่การอดอาหาร การหักโหมออกกำลังกาย หรือการโฟกัสที่ตัวเลขของน้ำหนัก เพราะความจริงของการ ลดน้ำหนัก คือ การลดไขมัน ซึ่งเมื่อเวลาที่เรากินอาหารมากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องเผาผลาญ จะถูกเก็บไปเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย จนทำให้น้ำหนักขึ้นได้ในที่สุด

เพราะฉะนั้น Point ของการลดน้ำหนัก คือ คุณจะต้องกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป ซึ่งนอกจากไขมันจะสะสม และแทรกอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ แล้ว ยังส่งผลให้เกิดปัญหาโรคต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ภาวะอ้วนลงพุง เบาหวาน ข้อเสื่อม หรือแม้แต่สุขภาพทางใจที่บางคนอาจเครียด หรือจิตตก เพราะขาดความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ปัญหาการเลือกเสื้อผ้าที่บางคนอาจจะต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และการถูกมอง หรือถูกวิจารณ์จากสังคมโดยรอบ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการลดน้ำหนัก นั่นก็คือการแทนที่ไขมันส่วนเกินด้วยกล้ามเนื้อ เพราะยิ่งคุณมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้นเท่าไหร่ กระบวนการในการเผาผลาญก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าการลดน้ำหนักจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่โดยปกติแล้วการปรับพฤติกรรมการกินก็ไม่เป็นเรื่องง่ายไปซะทีเดียว 

เพราะการลดน้ำหนักจะต้องใช้วินัยในการฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัย และเมื่อคุณทำสำเร็จ พฤติกรรมการกินอาหารที่ติดเป็นนิสัยจะช่วยทำให้คุณสามารถลด และควบคุมน้ำหนักได้ในระยะยาว โดยไม่เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ หรือลดความอ้วนจนเสียสุขภาพ ทั้งนี้ Glory เราได้รวมวิธี ลดน้ำหนัก อย่างปลอดภัยมาฝากทุกคน ดังนี้

7 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการ ลดน้ำหนัก

• การปรับพฤติกรรมการกินอาหาร

ด้วยหลักการกิน คือ มื้อเช้าควรทานให้เต็มอิ่มแต่ต้องไม่มากเกินไป ควรกินให้อิ่มแบบพอดี เมื่อถึงเวลาของมื้อเที่ยงคุณจะเริ่มรู้สึกหิวน้อยลง แต่อย่างไรก็ควรกินให้ได้ครึ่งหนึ่งของมื้อเช้า และสุดท้ายมื้อเย็นควรกินก่อน 6 โมงเย็น โดยเน้นไปที่สารอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้หวานน้อย 

นอกจากนี้ ควรเลี่ยงอาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีไขมัน โซเดียม และน้ำตาลสูง สุดท้ายให้เข้านอนไม่เกินเวลา 4 ทุ่มเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน และซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากทำทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้เป็นระยะเวลาติดต่อกัน หุ่นจะเริ่มกระชับ และเริ่มผอมลง

• การดื่มน้ำก่อนทานอาหาร

ตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ง่าย และหาได้ใกล้ตัวมากที่สุด นั่นก็คือ การดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วก่อนมื้ออาหาร 30 นาที วิธีนี้จะช่วยให้คุณกินข้าวได้น้อยลง และทำให้หิวน้อยลงอีกด้วย

นอกจากนี้ระหว่างวันแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยเสริมสร้างระบบเผาผลาญ ระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยไม่ให้เกิดการกินจุกกินจิก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นอีกด้วย

• ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที

นอกจากการควบคุมอาหารแล้ว การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะยิ่งทำให้เห็นผลชัดเจนมากขึ้น เพราะไขมันจากการควบคุมอาหารจะลดลง บวกกับการสร้างกล้ามเนื้อมาแทนที่ไขมันสะสม ก็จะช่วยเพิ่มให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีมากขึ้น

แต่ทั้งนี้สำหรับคนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ ๆ อาจเริ่มต้นจากการเดิน การก้าวขายาว ๆ หรือการยืดกล้ามเนื้อสัก 20 นาที และทำอย่างต่อเนื่อง ก็ถือเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายค่อย ๆ เกิดการเผาผลาญดีขึ้น

• หาอะไรทำเพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด

หลายคนที่เวลาเครียดจะยิ่งอยากอาหาร เพราะร่างกายเกิดการหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล ในปริมาณมากทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะของหวาน ของมัน และของทอด หรือในขณะที่บางคนเครียดจนร่างกายไม่สามารถกินอาหารได้ ซึ่งฟังดูเหมือนจะเป็นข้อดี แต่เปล่าเลย

เพราะการที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ระบบเผาผลาญจะทำงานน้อยลง ซึ่งเมื่อไหร่ที่คุณเลิกเครียด และกลับมากินอาหารได้เหมือนเดิม แต่ระบบเผาผลาญได้พังไปแล้ว อาจส่งผลให้คุณกลับมาอ้วนกว่าเดิม หรือโยโย่เอฟเฟกต์

• ห่างกันสักพักกับอาหารสำเร็จรูป

ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ และเน้นความสะดวกสบาย ทำให้อาหารสำเร็จรูป และอาหารแช่แข็งต่าง ๆ เข้ามาสู่ชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งใครก็ตามที่ต้องการลดน้ำหนักควรเลิกพฤติกรรมแบบนี้

เพราะอาหารสำเร็จรูปล้วนมีแต่ปริมาณโซเดียมสูง และหากบริโภคมากเกินไป จะทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหนัง หรือเรียกง่าย ๆ คือ อาการบวมน้ำ ทั้งยังส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

• ดื่มนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลลำไส้ และระบบขับถ่าย

นมเปรี้ยว คือ นำนมที่ได้จากสัตว์ที่นำมาผ่านกระบวนการทำลายจุลินทรีย์ และทำการหมักจนเกิดเป็นกรดแลคติก (Lactic Acid) หรือกลายเป็นนมเปรี้ยวที่ทุกคนรู้จัก โดยจากผลวิจัยพบว่านมเปรี้ยวมีจุลินทรีย์ “โพรไบโอติก” ที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย

โยเกิร์ต ผลิตภัณฑ์จากนมที่เกิดจากการหมักระหว่างนม และโพรไบโอติก หรือจุลินทรีย์ชนิดดี ที่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกทานโยเกิร์ต และนมเปรี้ยว ควรเลือกทานแบบไขมันต่ำ และน้ำตาลน้อย จะเหมาะสมกับการลดน้ำหนักมากที่สุด หรือถ้าคุณอยากได้ความสะดวก ไม่ต้องมานั่งดูปริมาณน้ำตาล และไขมัน ก็สามารถเลือกทาน Glory Probiotic Veggy Plus โพรไบโอติกผสมไฟเบอร์ และคอลลาเจนไดเปปไทด์ ในรูปแบบแคปซูล ทานง่าย ขับถ่ายคล่องไม่ปวดบิด 

ที่สำคัญ จุดเด่นของโพรไบโอติกจาก Glory คือ มีจุลินทรีย์ดีที่ชื่อว่า Bacillus Coagulans นำเข้าจากอเมริกา เป็นเชื้อโพรไบโอติกที่มีเกราะป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยให้โพรไบโอติกเดินทางไปสู่ลำไส้ โดยที่ไม่ถูกกรดจากกระเพาะอาหารทำลาย ช่วยฟื้นฟูลำไส้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยดีท็อกซ์ของเสียในร่างกาย เสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ซึ่งหากกินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ระบบลำไส้ และระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเสริมสร้าง และฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น เรียกได้ว่ากิน 1 ได้ถึง 3 หากใครที่สนใจอยากสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่

Line: @GloryofficialTH

Shopee: Glory Official TH

Lazada: Glory